ในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน บีบบังคับให้ เราๆ ท่านๆ ต้องรัดเข็มขัด ไม่ว่าจะเรื่องการกิน จากที่เคยกิน หรูๆ อาจจะต้องปรับเปลี่ยนมาเป็นกินข้าวแกงข้างทางบ้างเป็นบางครั้งคราว รถยนต์ก็ต้องกินเช่นกัน แต่กินเชื้อเพลิง ไม่ว่าจะเป็น เบนซิน 95 91 แก๊สโซฮอล์ หรือบางท่านอาจจะดัดแปลงเครื่องยนต์ให้บริโภคก๊าซแทน ไม่ว่าจะ ก๊าซอะไรก็เอาเถอะ แต่เชื้อเพลิงแบบไหนหล่ะ ที่จะประหยัดเงินในกระเป๋าเราได้มากที่สุด |
ผมได้มีโอกาสนำรถ mazda 3 ที่เติม แก๊สโซฮอล์ E20 ได้มาทดสอบ อัตราเร่ง กับ อัตราการกินน้ำมัน เพื่อให้คลายข้อสงสัย ว่าเติม แก๊สโซฮอล์ E20 แล้ว จะวิ่งไม่ออกบ้างหล่ะ กินน้ำมันมากกว่าบ้างหล่ะ แล้วมันจะคุ้มกันไหม ที่จะหันมาเติม E20 รถที่เติม E20 ได้ก็มีแล้ว แล้วน้ำมันหล่ะ จะไปเติมที่ไหน การจะหาที่เติมก็ยากอยู่เหมือนกันเพราะ ตอนนี้มีอยู่แค่ 2 ยี่ห้อเท่านั้น คือ ปตท. กับ บางจาก และก็ไม่ได้มีทุกปั้มอีก ลำบากจริงๆ ครับ |
นี่ไม่ต้องพูดถึง E85 เลย เพราะ 2 ยี่ห้อที่กล่าวมาแล้วนั้น รวมกัน ยังมีแค่ 3 ปั้มเท่านั้น แล้วไอ้ที่มีอยู่ 3 ปั้มที่ว่า ก็อาจจะเจอแต่หัวจ่ายน้ำมันเท่านั้น เพราะไม่มีน้ำมันให้เติม...นี่ขนาดรัฐบาล ผลักดันให้เป็นวาระแห่งชาติแล้วนะครับ!! |
เอาเถอะ มาว่ากันเรื่องรถของเราจะดีกว่า มาสด้า 3 มาในคอนเซ็ปต์ใหม่ “My Mazda 3… My Way” เพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงปลายปี โดยตัวรถนั้นก็แต่งหน้าทาปากนิดหน่อย(นิดเดียวจริงๆ) ส่วนเครื่องยนต์นั้นก็ยังคงเป็น เครื่องในรหัสเดิมแต่ได้รับการปรับแต่งให้สามารถเติมน้ำมัน E20 ได้เท่านั้น ส่วนเรื่องความสะดวกสบายและความปลอดภัยนั้น มาสด้า 3 ได้เปลี่ยนจากการไขกุญแจแบบเดิมๆ มาเป็น กุญแจอัจฉริยะแบบ Key Card ใหม่ |
สามารถเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์ หรือกระเป๋าถือของผู้หญิง โดยไม่ต้องหยิบออกมาเพื่อทำการสตาร์ท หรือเปิดประตูแต่อย่างใด เพียงแค่เดินไปอยู่ที่ประตู แล้วกดปุ่มเล็กๆตรงที่มือจับของประตูนั้นก็สามารถปลดล็อคประตูได้แล้ว โดยมีข้อแม้อยู่อย่างหนึ่งว่า ตัว Key Card นั้น จะต้องอยู่ใกล้ประตูรถ ไม่น้อยกว่า 1.5 เมตรโดยประมาณ ในทางกลับกัน เมื่อออกจากตัวรถ โดยที่นำ Key Card ออกมาด้วย ระบบจะทำการล็อคประตูรถให้เอง หลังจากปิดประตูแล้วไม่เกิน 10 วินาที หรือหากอยากจะกดล็อคเอง ก็ทำได้โดยกดปุ่มเล็กๆที่อยู่ตรงที่จับประตู เหมือนตอนที่กดเปิด ประตูก็จะล็อคได้เช่นกัน |
การสตาร์ทเครื่องยนต์นั้น ก็ไม่ต้องใช้กุญแจแต่อย่างใด เพียงแต่ให้ Key Card อยู่ภายในตัวรถ แล้วหมุนตรงสวิทกุญแจ เพื่อทำการสตาร์ท ก็สตาร์ทได้แล้วครับ สะดวกดีจริงๆ |
เรื่องส่วนต่างๆ ทั้งภายใน และภายนอกของรถนั้น รวมถึงสมถนะในการขับขี่ ผมขอไม่กล่าวถึงแล้วกันนะครับ เพราะมันไม่ได้แตกต่างจาก ปี 2007 ที่คุณ จิมมี่ ได้ทำการทดสอบและทดลองขับ แบบละเอียดแล้วเมื่อปีที่แล้ว ( http://www.caronline.net/ArticleDetail.aspx?ArticleID=107&dshow=all ) |
|
มาถึงเรื่อง อัตราเร่ง และ อัตราการสินเปลืองน้ำมันกันดีกว่า |
ผมได้ทำการทดสอบ โดยพยายามให้ใกล้เคียงกับ คุณจิมมี่ ให้มากที่สุด เพื่อจะได้นำมาเปรียบเทียบกันได้ โดยใช้มาตรฐานเดิมของคุณจิมมี่ คือ นั่ง 2 คน รวมน้ำหนักบรรทุกแล้ว ประมาณ 150 กิโลกรัม เปิดแอร์ด้วย แต่ที่จะต่างไป ก็จะเป็นเพียงช่วงเวลาที่ใช้ในการทดสอบ ที่ผมทำการทดสอบในช่วงเวลากลางวันเท่านั้น ผลการทดสอบที่ได้มีดังนี้ |
จากตาราง จะเห็นได้ว่า ไม่ต่างกันมาก โดย 0-100 กม./ชม. นั้น ต่างกันแค่ 0.55 วินาที และอัตราเร่งแซงจาก 80 -120 กม./ชม. นั้น ก็ต่างกันแค่ 0.37 วินาทีเท่านั้น เรียกว่าแทบจะไม่รู้สึกเลยก็ว่าได้ หรือที่ต่างกันอาจจะเป็นเพราะอุณหภูมิของอากาศ ณ เวลาที่ทดสอบก็เป็นได้ |
ทีนี้ มาถึงเรื่องอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันกันบ้าง แน่นอนครับว่า เมื่อเติมแก๊สโซฮอล์ ย่อมกินน้ำมันมากกว่า เบนซินอยู่แล้ว ด้วยเหตุผลที่ว่า แก๊สโซฮอล์นั้นให้พลังงานที่น้อยกว่าน้ำมันเบนซิน นั่นหมายถึงระยะทางที่วิ่งได้ต่อกิโลเมตรย่อมน้อยลง ว่ากันง่ายๆ ก็คือ ต้องกินน้ำมันมากกว่าในระยะทางที่เท่ากันนั่นเอง |
(ราคาน้ำมันในภาพ เติม ณ วันที่ 24 พ.ย. 2551) แต่จะกินน้ำมันมากกว่าเท่าไหร่ มาดูกัน |
จากการทดสอบนั้น ผมเองได้ทำการทดสอบโดยใช้เส้นทางในต่างจังหวัดจริงๆ สภาพการจราจรจริงๆ โดยไม่ได้ขึ้นทางด่วนอย่าง คุณจิมมี่ แต่อย่างใด ก็เลยไม่ได้ใช้ความเร็วคงที่เท่าใดนัก แต่ก็พยายามเลี้ยงความเร็วให้คงที่ ที่110 กม./ชม. ให้มากที่สุด โดยใช้เส้นทางระหว่าง จ.เพชรบุรี มุ่งหน้า เข้ากรุงเทพมาหานคร ระยะทางรวม 142.2 กม. จากตารางจะเห็นได้ชัดว่า รถที่เติม E20นั้น กินน้ำมันมากกว่า รถที่เติมน้ำมันเบนซิน โดยมีผลต่างถึง 1.82 กม.เลยทีเดียว แล้วมันจะประหยัดได้อย่างไร มาดูกันครับ อย่างลืมนะครับว่า แก๊สโซฮอล์ E20 นั้นราคาถูกกว่าน้ำมันเบนซิน 95 จากราคาน้ำมัน ณ วันที่ 14 ธ.ค. 2551 เบนซิน 95 ราคาลิตรละ 26.59 บาท แก๊สโซฮอล์ E20 ราคาลิตรละ 15.59 บาท |
จะเห็นได้ว่า เมื่อนำมาคำนวณเป็น จำนวนเงิน ต่อ กิโลเมตร แล้วนั้น การเติม แก๊สโซฮอล์ E 20 นั้นจะประหยัดเงินในกระเป๋าคุณๆได้มากกว่า การเติมเบนซิน 95 ถึงกิโลเมตรละ 62 สตางค์เลยทีเดียว ลองคิดดูนะครับว่าเดือนๆหนึ่ง เราวิ่งกันกี่กิโลเมตร แล้วเราจะประหยัดไปได้เท่าไหร่ หากเปลี่ยนมาเติม แก๊สโซฮอล์ E 20 จากการทดสอบนี้คงคลายข้อสงสัย เรื่อง น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ไปไม่มากก็น้อย หากท่านเป็นคนหนึ่งที่ครอบครองรถยนต์ ซึ่งสามารถเติม น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ได้ ก็เติมไปเถอะครับ ไม่มีผลกับเครื่องยนต์แต่อย่างใด กลับจะทำให้คุณขับขี่รถยนต์อย่างสบายใจขึ้นด้วยซ้ำ |
# # # # # # |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น